ขาชิมทั้งหลายต้องแบ่งเวลาสักวันมาทานข้าวเย็นที่ ตลาด Lau Pa Sat ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Raffles Place MRT สั่งสะเต๊ะร้อนๆ จากแขกมาเลย์ที่ย่างกันสดๆ แล้วก็กินไปดมกลิ่นเนื้อย่างที่หอมฟุ้งไปรอบตลาดไปด้วย ได้อารมณ์ดีแท้ ยิ่งมาช่วงพลบค่ำ แล้วนั่งตรงระเบียงตลาด มองไฟตามตึกสำนักงานที่ล้อมรอบตลาดอยู่ บรรยากาศดีแท้
ตลาด Lau Pa Sat เป็นภาษาฮ๊กเกี้ยน แปลว่าตลาดเก่า มีชื่อเดิมเป็นภาษามาเลย์ว่า Telok Ayer Market โดยที่ตรงนี้หันหน้าออกทะเล และเป็นตลาดสดที่พ่อค้าแม่ค้าใช้แลกเปลี่ยนสินค้ามานานกว่า 150 ปี ก่อนที่ื ท่านเซอร์ สแตมฟอร์ด (Sir Stamford Raffles) จะมาค้นพบสิงคโปร์และพัฒนาเกาะเล็กๆแห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางการค้าปลอดภาษีในภูมิภาคเสียอีก
ตลาด Lau Pa Sat ตั้งอยู่ที่ใจกลางศูนย์กลางการเงินของประเทศ ที่ย่าน Raffles ที่มีตึกสูงของธนาคารชั้นนำของโลก บริษัทไอทีเช่น ไมโครซอฟ กูเกิล เฟซบุ้ค และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ตัวตลาด Lau Pa Sat นับเป็นสิ่งปลูกสร้างแห่งเดียวที่ยังคงความเก่าแก่เอาไว้อยู่ ตัวตลาดสร้างเป็นอาคารแบบโปร่งทรงแปดเหลี่ยมเหมือนตลาดเก่าในยุคอณานิคมที่มีการสร้างกันในหลายประเทศ โดยตัวอาคารเป็นโครงสร้างเหล็กทั้งหมด เหล็กที่นำมาใช้สร้างตลาดแห่งนี้เล่าว่าขนกันมาจากกรุงมอสโคว์ประเทศรัสเซียทีเดียว
ทุกวันนี้ตลาด Lau Pa Sat มีชื่อเป็นทางการว่า Lau Pa Sat Festival Market ยังคงทำหน้าที่เป็นศูนย์อาหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีอาหารนานาชาติให้เลือกกินกันอย่างตาลาย ทั้งไทย จีน แขกมาเลย์ อินโด อินเดีย เวียดนาม เกาหลี ฟิลิปปินส์ จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น และอื่นๆ ที่สำคัญใครแวะมาสิงคโปร์แล้วไม่ได้มานั่งกินสะเต๊ะที่นี่นับว่ายังเที่ยวไม่ครบ เพราะควรจะใส่โปรแกรมกินที่ตลาด Lau Pa Sat ไว้วันที่มาดูเจ้า Merlion ตรงปากอ่าว เพราะจากตรงนั้นเดินมาได้ไม่ไกลกันเท่าไหร่
เราจะกินอะไรได้บ้างที่นี่
ปัญหาโลกแตกทุกครั้งที่มาหาของกินที่ Lau Pa Sat เพราะมันอยากกินไปซะหมดทุกอย่าง เอาเป็นว่าจะแนะนำอันที่เด็ดๆ แปลกๆ ที่หากินในบ้านเราไม่ค่อยได้ไว้ละกัน
1. Satay แน่นอน ต้องลองสั่งสะเต๊ะมากิน สำหรับคนไทยเราชินแต่หมูสะเต๊ะ แต่ที่สิงคโปร์ มีคนมาเลย์ที่เป็นชาวมุสลิมอยู่เยอะ สะเต๊ะที่นี่เลยมีแต่เนื้อไก่ (Chicken Satay) เนื้อแกะ (Lamb Satay) และเนื้อวัว (Beef Satay) ให้เลือก จะกินคู่กับเครื่องเคียง ก็สั่งแบบ with Vegetable แต่สะเต๊ะแขกจะกินคู่กับผักสดที่เป็นแตงกวาและหอมแดง ไม่ใช่อาจาดในน้ำส้มสายชูเหมือนบ้านเรา ใครกลัวไม่อิ่มจะสั่ง Lontong มากินคู่กันก็ได้ Lontong คือข้าวอัดเป็นท่อนๆ เหมือนก้อนเค้ก กินแล้วหนักท้องดีทีเดียว
2. อาหารอินโดนีเซีย ก็น่าลอง เพราะไม่ค่อยมีให้กินที่บ้านเราเท่าไหร่ เมนูแนะนำ ก็มี
- Ayam Penyet หรือชุดไก่ทอด เสริฟพร้อมผักต้ม เต้าหู้ทอด และถั่วเหลืองทอด หรือจะลองชุดปลาดุก ก็อร่อย
- Soto Ayam ซุปไก่แบบอินโด อิ่มเบาๆ คล่องคอ
- Soto Buntut ซุปหางวัว ใส่มันฝรั่งและแครอท หอมน้ำซุปเข้มข้น
- Gado Gado หรือสลัดแขก ที่ใช้ผักต้มพวก กะหล่ำ ผักบุ้ง ถั่วงอก มันต้ม คลุกกับแตงกวาสดและไข่ต้ม ราดด้วยน้ำสลัดถั่ว
ป.ล. อาหารอินโดจะเสริมพร้อมข้าวเกรียบ อย่าแปลกใจ เพราะคนอินโดจะกินข้าวเกรียบพร้อมกับกินข้าวทุกมื้อ
วันก่อนเพิ่งแวะไปกินข้าวเย็นที่ Lau Pa Sat มา แล้วสั่ง Gado Gado มากิน เลยเอารูปมาฝากกันด้วย
3. อาหารอินเดีย อาหารอินเดียที่สิงคโปร์ถือว่าเด็ดและราคาไม่แพง หลังจากไปยืนงงๆ หน้าร้านแล้วไม่ต้องลังเล สั่งไปเลยว่า ขอ North Indian Set แล้วก็สั่งว่าอยากได้ Naan แบบไหน (ขนมปังแผ่นอบในเตาถ่าน) หลักๆ ก็จะมี Plain Naan (แบบธรรมดา) Garlic Naan (แบบทากระเทียม) เสร็จแล้วก็มาเลือกกับ ส่วนมากคนขายจะให้เลือกเนื้อหนึ่งอย่าง และผักสองถึงสามอย่างแล้วแต่เรา ที่อร่อยๆ คงเป็น Chicken Tikka ไก่ย่างทาเครื่องเทศสีแดงๆ ที่เห็นวางอยู่หน้าร้าน อย่าลืมขอมะนาวและหอมแดงมาโรยด้วย เด็ดมาก อย่างอื่นที่อร่อยๆ ก็มีแกงเนื้อแกะ และหากใครอยากลองของแปลก จะสั่งแกงสีแดงๆ และมีก้อนซีสลอยออยู่ก็ไม่ว่ากัน รสชาติอร่อยดีจ้า
อาหารชาติอื่นๆ เราคงคุ้นเคยกันบ้าง เพราะไม่ต่างจากที่มีให้เห็นในเมืองไทยเท่าไหร่ ส่วนอาหารสิงคโปร์ขอรวบยอดแนะนำในกระทู้ข้างๆ แทน
ราคา: S$ 5.00 – 40.00
วันเวลาเปิดปิดบริการ:ทุกวัน 24 ชั่วโมง
วิธีเดินทาง: Raffles Place MRT, Exit I เดินมาตามถนน Robinson Road ตรงสู่สี่แยกที่ตัดกับ Cross Street จะเห็นตัวตลาดเป็นอาคารแปดเหลี่ยมตั้งเด่นอยู่ (ใช้เวลาเดิน 2 นาที)
ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก
โรงแรม ที่พัก สิงคโปร์ - เปรียบเทียบราคา - จองห้องพัก
|
ชอบกด Like ใช่กด Share ^-^
